วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

นิทาน ฆ้องปากแตก

นิทานเรื่อง ฆ้องปากแตก
เรื่องและภาพโดย นางสาว ณัฐนิชา ธรรมเสนา  
คบ.ภาษาไทย หมู่1 ชั้นปีที่3 รหัส 533410010110
เรื่องย่อ ระตรีกับระฟ้าเป็นพี่น้องที่ชอบนินทาคนอื่นอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งแฟนของระฟ้าไปทำงานระฟ้าจึงออกไปหาชายหนุ่มข้างบ้าน ระตรีมาพบเข้าก็เลยนำเรื่องไปพูด จนในที่สุดแฟนของระฟ้าก็รู้เรื่อง เกิดการทะเลาะกันจนถึงขั้นแตกหัก จากนั้นระฟ้าจึงมาต่อว่าระตรีซึ่งนำเรื่องของตนไปพูดทั้งที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ในที่สุดระฟ้ากับระตรีก็แตกหักกันเพราะระตรีเป็นฆ้องปากแตกเก็บความลับไม่อยู่นี่เอง




ดาว์นโหลดเต็มๆ : คลิก


































วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

 ขอแนะนำบล็อกที่รวบรวมผลงานหนังสือนิทานอีบุ้ค (e-book) หรือหนังสือนิทานอิเล็กทรอนิกส์ ผลงานทั้งหมดจัดทำขึ้นโดยนักศึกษาที่เรียนในรายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสานสนเทศเพื่อการศึกษา  สอนโดย อาจารย์อัจฉริยะ  วะทา  โดยบล็อกนี้มีชื่อว่า atinno.blogspot.com
มีหนังสือนิทานอีบุ้คที่เป็นฝีมือของนักศึกษาในหลายๆ สาขา  หลายเรื่องน่าอ่านและสามารถโหลดเก็บไว้หรือนำไปสอนได้ด้วย  

     นอกจากนี้ก็ยังรวมผลงานการจัดทำบล็อกของนักศึกษาแต่ละสาขาวิชา  จัดทำเพื่อเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ที่น่าสนใจไว้มากมาย

     อย่าลืมนะคะเป็นเว็บที่อยากจะแนะนำ  เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะทำหนังสือแบบทำมือและทำเป็นอีบุ้ค (e-book) ด้วย  อย่าลืมบล็อก  atinno.blogspot.com
       เป็นอีกบล็อกที่น่าติดตามรับรองเรื่องของความรู้อย่างคับแก้วเลยที่เดียวคะ
 ขอแนะนำบล็อกที่รวบรวมผลงานหนังสือนิทานอีบุ้ค (e-book) หรือหนังสือนิทานอิเล็กทรอนิกส์ ผลงานทั้งหมดจัดทำขึ้นโดยนักศึกษาที่เรียนในรายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสานสนเทศเพื่อการศึกษา  สอนโดย อาจารย์อัจฉริยะ  วะทา  โดยบล็อกนี้มีชื่อว่า atinno.blogspot.com
มีหนังสือนิทานอีบุ้คที่เป็นฝีมือของนักศึกษาในหลายๆ สาขา  หลายเรื่องน่าอ่านและสามารถโหลดเก็บไว้หรือนำไปสอนได้ด้วย  

     นอกจากนี้ก็ยังรวมผลงานการจัดทำบล็อกของนักศึกษาแต่ละสาขาวิชา  จัดทำเพื่อเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ที่น่าสนใจไว้มากมาย

     อย่าลืมนะครับ  เป็นเว็บที่อยากจะแนะนำ  เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะทำหนังสือแบบทำมือและทำเป็นอีบุ้ค (e-book) ด้วย  อย่าลืมบล็อก  atinno.blogspot.com

ขนมไหว้พระจันทร์

ละลานตากับขนมไหว้พระจันทร์สารพัดไส้
ASTVผู้จัดการออนไลน์
29 สิงหาคม 2555 23:24 น.
       >>ทุกวัน 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน จะตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ อันเป็นเทศกาลสำคัญของคนจีนที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะกลับมายังบ้านของตนพร้อมหน้ากัน และจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์ พร้อมกับการชมพระจันทร์ร่วมกันเพื่อฉลองเทศกาล ถือเป็นการนำความสุขสมบูรณ์มาสู่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งคนไทยเชื้อสายจีนในบ้านเราก็ยังคงธรรมเนียมการไหว้พระจันทร์ส่งต่อถึงรุ่นลูกรุ่นหลานมาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงก่อนหน้าเทศกาลนี้จะเริ่มขึ้น เราจึงเห็นความคึกคักของร้านค้าต่างๆ ที่ต่างผลิตขนมไหว้พระจันทร์สูตรพิเศษของตนเองออกวางขาย
       

        โดยในปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ ตรงกับวันที่ 30 กันยายน ด้วยระยะเวลาในอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้า ใครที่กำลังมองหาขนมไหว้พระจันทร์ทั้งที่จะซื้อไปไหว้ในเทศกาล หรือซื้อเป็นของฝากของกำนัล คงต้องคิดหนักหน่อย เพราะแต่ละร้านอาหาร แต่ละโรงแรมก็พากันคิดค้นสูตรไส้ขนมไหว้พระจันทร์แบบใหม่ๆ มานำเสนอให้คุณเลือกกันอย่างละลานตา
       

       1. ขนมไหว้พระจันทร์โมจิไส้ไอศกรีม
       

        เปิดตำนานความอร่อยใหม่ของขนมไหว้พระจันทร์จาก Swensen’s ที่เริ่มคิดค้นสร้างสรรค์ไอศกรีมขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ไอศกรีมเคลือบช็อกโกแลต จนพัฒนามาเป็นดัดแปลงแป้งจากโมจิ ขนมยอดฮิตของญี่ปุ่นมาเป็นขนมไหว้พระจันทร์แป้งโมจิไส้ไอศกรีม โดยปีนี้เขาพัฒนาสูตรแป้งให้สัมผัสถึงความเหนียวนุ่มลิ้นมากกว่าเดิมด้วยการผสมผสานของแป้งที่คัดพิเศษ ผ่านกระบวนการนวดและขึ้นรูปอย่างพิถีพิถัน ที่แม้จะผ่านกระบวนการแช่แข็งกับไอศกรีม แต่เนื้อแป้งยังคงเอกลักษณ์ความเหนียวนุ่มและอร่อยลิ้นไว้ได้เป็นอย่างดี
       

        แถมยังพิเศษด้วยการเพิ่ม 4 รสชาติใหม่ทำออกมาในโทน 4 สีอ่อนหวานชวนลิ้มลอง ได้แก่ ขนมไหว้พระจันทร์โมจิไอศกรีมสตรอเบอร์รีค็อบเบลอร์ แป้งโมจิสีชมพูอ่อนห่อหุ้มไอศกรีม เวรี่ สตรอเบอร์รี สอดไส้ตรงกลางด้วยสตรอเบอร์รีลูกโตและสตรอเบอร์รีทอปปิ้ง เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแคร็กเกอร์ ขนมไหว้พระจันทร์โมจิไอศกรีมคุกกี้แอนด์ครีม โมจิสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มไอศกรีมคุกกี้ แอนด์ ครีม สอดไส้ตรงกลางด้วย Oreo คุกกี้ เต็มชิ้นแบบเต็มๆ คำ ขนมไหว้พระจันทร์โมจิไอศกรีมช็อกโกแลต อัลมอนด์ บราวนี่ แป้งโมจิสีส้มอ่อนห่อหุ้มไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มข้น สอดไส้กลาง อัลมอนด์บราวนี่ชิ้นหนาและเมล็ดอัลมอนด์ ขนมไหว้พระจันทร์โมจิไอศกรีมมอคค่าอัลมอนด์ฟัดจ์ แป้งโมจิสีเขียวอ่อนห่อหุ้มไอศกรีมมอคค่าอัลมอนด์ฟัดจ์ สอดไส้ช็อกโกแลตชิปแท้ๆ รสเข้มข้น
       

        ราคาชิ้นละ 99 บาท หรือจะซื้อแบบบรรจุในกล่องสวยหรู ครบทุกรส 4 ชิ้น ในราคาเพียง 329 บาท มีจำหน่ายถึง 30 กันยายน 2555 ที่ร้าน Swensen’s ทุกสาขา หรือโทรศัพท์ 1112
       2. ขนมไหว้พระจันทร์ตำรับฮ่องกง
       

        เชฟไว ยิน มาน แห่งห้องอาหารจีน เชฟแมน โรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ จัดทำขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับจากฮ่องกง เนื้อแป้งบางนุ่มสอดไส้ไข่แดงลูกโต โดยทำใหม่สดทุกวัน บรรจุในกล่องหรูหราสวยงาม มี 2 รสชาติยอดนิยมให้เลือก ได้แก่ ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ถั่วดำ (กล่องละ 550 บาท บรรจุ 4 ชิ้น) และ ขนมไหว้พระจันทร์ไส้เม็ดบัว (กล่องละ 650 บาท บรรจุ 4 ชิ้น) มีจำหน่ายวันนี้-30 กันยายน 2555 โทรศัพท์ 0-2210-8100
       3. เอาใจคนรักช็อกโกแลต
       

        เชฟหลิน ยู หัวหน้าใหญ่พ่อครัวจีน ของโรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพ ทำขนมไหว้พระจันทร์ 4 รสชาติสูตรต้นตำรับ อาทิ ไส้ทุเรียน ไส้โหงวยิ้งกับไข่เค็ม ไส้ถั่ว ไส้ใบเตย และสูตรเอาใจคนชื่นชอบรับประทานช็อกโกแลตกับขนมไหว้พระจันทร์ช็อกโกแลตพร้อมสอดไส้ 8 รสชาติ อาทิ ส้ม บลูเบอร์รี ราสเบอร์รี ชาเขียว ดาร์กช็อกโกแลต มีฮาเซลนัตกับอัลมอนด์ เครมบรูเล่ เสาวรส ราคาชิ้นละ 120 บาท มีจำหน่ายถึง30 กันยายน โทรศัพท์ 0-2680-9999
       4. “มินิมูนเค้ก” สูตรพิเศษ
     
       ปิแอร์ อังเดร เฮาส์ เชฟใหญ่ชาวฝรั่งเศส โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม สุขุมวิท รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ด้วยสูตรที่คิดค้นขึ้นเอง นำส่วนผสมขนมปารีเซียงมาผสมผสานกับขนมไหว้พระจันทร์สูตรดั้งเดิมกลายเป็น “มินิมูนเค้ก” มี 2 ไส้ให้เลือก คือ ไส้ช็อกโกแลตชิปผสมเม็ดแตงอบและเม็ดบัว และไส้มาซิแพนผสมเกาลัดและเม็ดบัว ในราคาชิ้นละ 60++ บาท จำหน่ายตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2555 โทรศัพท์ 0-2204- 4152
       5. รสชาติต้นตำรับ
       

        เชฟแจ็คกี้ โฮ ของโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ เตรียมจัดทำขนมไหว้พระจันทร์อันเลื่องชื่อตลอดเทศกาลกว่า 200,000 ชิ้น (เฉลี่ยวันละ 3,846 ชิ้น) โดยทำสดใหม่ทุกวันไม่ใส่สารกันเสีย มีให้เลือก 2 รสชาติคือ ไส้เม็ดบัว และไส้คัสตาร์ดไข่แดง มีแบบบรรจุกล่อง 8 ชิ้น ราคา 560++ บาท กล่อง 6 ชิ้น ราคา 460++ บาท และลิมิเต็ดอิดิชัน 1 ชิ้น จำหน่ายในราคา 120++ บาท มีจำหน่ายที่เดอะ เพนนินซูล่า บูติค, ห้องอาหารเหม่ยเจียง และสามารถหาซื้อได้ที่บริเวณชั้น G ห้างสยามพารากอน (หน้ากูร์เมต์มาร์เก็ต) และชั้น 5 ห้าง ดิ เอ็มโพเรียม (ตรงข้ามทางเข้าซูเปอร์มาร์เกต) ตั้งแต่วันที่ 14-30 กันยายน 2555 โทศัพท์ 0-2861-2373
       6. East meet West
       

        เชฟอูสร์ โรห์บาช หัวหน้าพ่อครัวเบเกอรี่ชาวสวิสของโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน เตรียมขนมไหว้พระจันทร์ที่ผสมผสานระหว่างรสชาติแบบดั้งเดิม และแบบตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับที่เชฟทำขึ้นนี้มีสอดไส้ 4 รสชาติคือ ไส้ทุเรียน ไส้เม็ดบัวไข่เดี่ยว ไส้ผลไม้รวมไข่เดี่ยว และไส้คัสตาร์ด มีจำหน่ายที่ห้องอาหารจีนหยวนและร้านเดอะ แลนเทิร์น บรรจุกล่อง 4 ชิ้น ราคา 788+ บาท พร้อมรับส่วนลด 10-25% เมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ 20 กล่องขึ้นไปตามลำดับ โทรศัพท์ 0-2442-2000
       7. ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์โฮมเมด
     
        โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดขนมไหว้พระจันทร์ตำรับโฮมเมด มีทั้งไส้หมอนทอง ไส้โหงวยิ้ง ไส้ลูกบัวไข่ ไส้พุทราจีน ไส้เต้าซาไข่ ให้คุณได้สัมผัสอารมณ์ถึงความเป็นจีนแบบดั้งเดิม ในราคาชิ้นละ 120 บาท หรือจะเลือกซื้อแบบไซส์มินิ ที่มี 2 ไส้ให้เลือกคือ ลูกบัวและหมอนทอง แบบกล่องละ 8 ชิ้น ในราคา 500 บาท มีจำหน่ายวันนี้ถึง 30 กันยายน 2555 โทรศัพท์ 0-2100-6255
       8. บรรจุกล่องสุดคลาสสิก
     
        “ร้านเค้กและเบเกอรี่ดีไลท์@22” โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 เตรียมขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยบรรจุในกล่องสวยงามสุดแสนคลาสสิก มีไส้ต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้ง ทุเรียน, เมล็ดลูกบัว, ถั่วดำ, ถั่วเหลือง ฯลฯ มีจำหน่ายถึงวันที่ 31 กันยายน โทรศัพท์ 0-2261-9300 ต่อ 5430
       9. รสชาติแบบจีนๆ 
     
        ห้องอาหารจีนหลินฟ้า โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ (เปลี่ยนชื่อจากโรงแรมสยามซิตี) จัดทำขนมไหว้พระจันทร์ฝีมือเชฟชาวจีนผู้ชำนาญด้านขนมมากว่า 20 ปี โดยทำสารพัดไส้ให้คุณเลือกทานได้อย่างถูกใจ ทั้งไส้ทุเรียน ไส้เม็ดบัว ไส้โหวงยิ้ง ไส้พุทราจีน ฯลฯ บรรจุในกล่องสีเหลืองทองอันเป็นเอกลักษณ์ มีกล่องขนาด 2 ชิ้นและ 4 ชิ้น ราคา 118-125 บาท มีจำหน่ายถึงวันที่ 5 ตุลาคมนี้ โทรศัพท์ 0-2247-0123
       10. ขนมไหว้พระจันทร์ 2 สไตล์
     
        ขนมไหว้พระจันทร์ของ แอมเวย์ จัดทำขึ้นในกล่องลายสวย โดยมีให้เลือก 2 สไตล์ คือแบบกล่องสีทองบรรจุขนมไหว้พระจันทร์รสชาติดั้งเดิม ไส้ทุเรีนยหมอนทองและไส้ทุเรียนหมอนทองไข่เดี่ยวอย่างละ 2 ชิ้นราคา 395 บาท หรือชุดรสชาติคลาสสิกในกล่องสีชมพู ที่มีขนมไหว้พระจันทร์ไส้โหวงยิ้ง ไส้เมล็ดบัวไข่เดี่ยว ไส้ทุเรียนหมอนทอง และไส้ลูกพรุน อันเป็นรสชาติใหม่ล่าสุด บรรจุอยู่ในกล่องอย่างละ 1 ชิ้น ราคา 385 บาท มีจำหน่ายถึง 30 กันยายน โทรศัพท์ 0-2725-8000
       11. กล่องผ้าไหมสวยหรู
       

        โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ จัดทำขนมไหว้พระจันทร์ 4 ไส้ยอดนิยม คือ ลูกบัว ทุเรียน พุทราจีน และใบเตยงาดำ กับ 2 ไส้พิเศษที่ปรุงขึ้นใหม่อย่าง ถั่วแดงนมเย็น, ทีรามิสุชาเขียว ซึ่งคุณสามารถเลือกซื้อแบบแยกชิ้นหรือแบบบรรจุในกล่องผ้าไหมสุดสวยหรูในราคา 788 บาท สำหรับกล่อง 4 ชิ้น และราคา 988 บาท สำหรับกล่อง 6 ชิ้น มีจำหน่ายถึงวันที่ 30 กันยายน โทรศัพท์ 0-2656-0444 :: Text by FLASH

การเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

3.เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ







3.เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียนรู้ โดยพยายามจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ และนักเรียนมีโอกาสนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น คำถามคือ ครูจะมีวิธีการหรือเทคนิคที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นๆ ได้อย่างไร ผู้เขียนเคยได้รับข้อมูลที่แสดงให้รู้ว่าครูทั่วไปยังเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเข้าใจว่า การให้ผู้เรียนค้นพบความรู้ด้วยตนเอง คือ
การปล่อยให้ผู้เรียน เรียนรู้กันเองโดยที่ครูไม่ต้องมีบทบาทอะไร หรือใช้วิธีสั่งให้ผู้เรียนไปที่ห้องสมุด อ่านหนังสือกันเองแล้วเขียนรายงานมาส่งครู ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าการให้การเรียนรู้เกิดขึ้นที่ตัวผู้เรียน เป็นลักษณะที่ถูกต้องของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่การที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ขึ้นมาได้เองนั้นเป็นเรื่องยาก ครูจึงต้องมีหน้าที่เตรียมจัดสถานการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ นำทางไปสู่การเรียนรู้ โดยไม่ใช้วิธีบอกความรู้โดยตรง หรือถ้าจะจัดสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้โดยใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งข้อมูล ครูจะต้องสำรวจให้รู้ก่อนว่า ภายในห้องสมุดมีข้อมูลอะไรอยู่บ้าง อยู่ที่ใด จะค้นหาอย่างไร แล้วจึงวางแผนสั่งการ ผู้เรียนต้องรู้เป้าหมายของการค้นหาจากคำสั่งที่ครูให้ รวมถึงการแนะแนวทางที่จะทำงานให้สำเร็จ และในขณะที่ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ ครูควรสังเกตการณ์อยู่ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวก หรือเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ หรือปัญหาการเรียนรู้ของ ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อนำข้อมูลนั้นมาปรับปรุง การจัดการเรียนการสอนในครั้งต่อไป
          ปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าว อาจเกิดมาจากครูยังไม่เข้าใจเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลที่เป็นความเข้าใจเบื้องต้น จึงขอกล่าวถึงเทคนิคการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 3 ประเด็นคือ
1. เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตัวเอง
                    2. เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับคนอื่น และ
                    3. เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
          ถ้าพิจารณาจากส่วนประกอบของโมเดล CIPPA แล้วจะพบว่ามิได้กล่าวถึง เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการและใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายในการเรียนรู้ไว้ด้วย เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวสามารถแทรกอยู่กับกิจกรรมทั้งสามส่วนที่จะกล่าวต่อไปนี้

อาชีพที่น่าสนใจในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน


7 อาชีพ ที่จะทำได้อย่างเสรีทั่วทั้งอาเซียน

เมื่อรวมตัวกันเป็น”ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” 7 อาชีพแรก ที่มีข้อตกลงกันแล้ว ให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างเสรี มีอะไรบ้างนะ?
 
ไม่ว่าจะรายการทีวี ข่าว สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ พากันพูดถึง AEC ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทว่า AEC คืออะไรและดีอย่างไร? รวมถึงมีอาชีพไหนบ้าง ที่ได้โอกาสทำงานในอาเซียนได้อย่างเสรี วันนี้ Vconnex จะนำมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ กันค่ะ
AEC ย่อมมาจากชื่อเต็มๆ ว่า Asean Economics Community เป็นการรวมตัวของประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว  เวียดนาม  มาเลเซีย สิงคโปร์  อินโดนีเซีย  ฟิลิปปินส์  กัมพูชา บรูไน เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน มีรูปแบบคล้ายๆ กลุ่ม Euro Zone นั่นเอง โดยมีผลประโยชน์ อำนาจต่อรองต่างๆ กับคู่ค้าได้มากขึ้น และการนำเข้า ส่งออกของชาติในอาเซียนทำจะเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจจะขอไว้ไม่ลดภาษีนำเข้า (เรียกว่าสินค้าอ่อนไหว) โดยอาเซียนจะรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” อย่างจริงจังในวันที่ 1 มกราคม 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า
และจากผลจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9  ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้กำหนดให้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ หรือแรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษของอาเซียนได้อย่างเสรี ด้านคุณสมบัติในสาขาอาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ แรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษได้อย่างเสรีข้อตกลงเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้อย่างเสรี ได้กำหนดครอบคลุม 7 อาชีพ และก็มีข่าวว่าอาจจะมีการเพิ่มจำนวนอาชีพขึ้นมาอีกในลำดับถัดไป สำหรับ 7 อาชีพที่มีข้อตกลงกันแล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างเสรี ได้แก่
  • อาชีพวิศวกร( Engineering Services)
  • อาชีพพยาบาล (Nursing Services)
  • อาชีพสถาปนิก(Architectural Services)
  • อาชีพการสำรวจ (Surveying Qualifications)
  • อาชีพนักบัญชี (Accountancy Services)
  • อาชีพทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
  • อาชีพแพทย์ (Medical Practitioners)
และการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะในภาพรวม สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทยมีศักยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสายวิชาชีพทั้ง 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้ผู้จบการศึกษาในสายวิชาชีพทั้ง 7 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกมีตลาดงานที่เปิดกว้างมากขึ้น
จากเดิมที่ตลาดมีแค่การให้บริการประชาชน 63 ล้านคน เป็นตลาดของประชาชนร่วม 600 ล้านคนใน 10 ประเทศอาเซียน นอกจากนั้น ประเทศเหล่านี้รวมทั้งไทยอยู่ในทิศทางที่กำลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจทั้งสิ้น เร็วบ้าง ช้าบ้าง และโดยภาพรวมคุณภาพของผู้จบวิชาชีพทั้ง 7 ในไทยก็สูงอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศอาเซียน ทำให้โอกาสในการหางานมีสูง
ในขณะที่คนไทยสามารถไปทำงานในประเทศอาเซียนได้อย่างเสรีนั้น สภาวิชาชีพ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลมาตรฐานของอาชีพทั้ง 7 นั้นคงต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มแข็งรัดกุมเป็นอย่างมาก เพื่อรักษามาตรฐานของผู้จบวิชาชีพในสาขาอาชีพนั้นๆ ในไทยให้คงเดิม หรือยกระดับให้สูงขึ้นไปอีก ป้องกันมิให้เกิดการอ่อนด้อยในเรื่องมาตรฐานขององค์กรในการผลิตคน บางแห่งที่อาจใช้โอกาสนี้เพิ่มรายได้ในการเร่งผลิตคนในวิชาชีพเหล่านั้นจำนวนมากเพื่อตอบสนองตลาดที่ใหญ่ขึ้น มิฉะนั้นอาจส่งผลกระทบทางลบโดยรวม
อีกปัญหาที่อาจะตามมาอีกอย่างคือ บางวิชาชีพไทยเริ่มจะเข้าสู่วิกฤตการขาดแคลนอาจารย์ เช่น ทันตแพทย์ ถ้าแก้ปัญหาไม่ทันท่วงทีในเวลาอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า ไทยจะมีปัญหาเรื่องการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ในสายวิชาชีพทันตแพทย์อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังดูแลในเรื่องมาตรฐานของคนจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่เข้ามาประกอบอาชีพทั้ง 7 อาชีพในไทยด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะมีผู้มาจากประเทศอื่นที่มาประกอบอาชีพในไทยมีปัญหาความอ่อนด้อยในเรื่องมาตรฐาน ซึ่งถ้าดูแลไม่รอบคอบรัดกุม อาจก่อเกิดผลกระทบกับสังคมไทยในทางลบ และอาจส่งผลต่อปัญหาการประกอบอาชีพของคนไทยเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม สังคมไทยกำลังเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ จำนวนคนในวัยทำงานกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีข้อมูลว่าอีกประมาณสิบปีข้างหน้า สัดส่วนคนในวัยทำงานจะต่ำกว่าประชากรผู้สูงอายุมาก นี่จะทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือในกลุ่มอาชีพทั้ง 7 นั้น ผู้ที่จบจากสายวิชาชีพดังกล่าวจะประกันได้ว่าไม่น่าจะมีใครที่ตกงาน เพราะมีตลาดใหญ่มากรองรับทั้งในไทย และในประเทศอาเซียน
ข้อตกลงเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 7 อาชีพในปี 2015 (2558) แม้จะเป็นโอกาสทองของคนไทยในสายวิชาชีพดังกล่าว แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งในด้านการที่คนของเราไปทำงานบ้านเขา และการที่คนบ้านเขามาทำงานในบ้านเรา เพราะถ้าการระวังไม่รัดกุม โอกาสทองนั้นอาจพลิกเป็นวิกฤต และมีผลกระทบรุนแรงต่อบางสายวิชาชีพได้

เกาหลีประเทศน่าเที่ยว


6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด


6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

กรุงโซล

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kpopislandrocks.wordpress.com 


          เมื่อพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ จะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ ติ๊กต่อก ๆ ...คิดถึงเหล่าบรรดาศิลปินนักแสดง อาหาร และวัฒนธรรมต่าง ๆ กันใช่ไหมล่ะ ถ้าใช่ ก็ถือว่าตอบถูกครับ แต่ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะสิ่งที่เราจะนำเสนอนี้ ไม่ใช่เรื่องของที่กล่าวมาแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของประเทศเกาหลีใต้ต่างหาก ใช่แล้วครับ สิ่งที่จะมานำเสนอในวันนี้ก็คือสถานที่เที่ยวฮอตฮิตของกรุงโซลเมืองหลวงของแดนกิมจินั่นเอง

          เมืองหลวงแห่งนี้มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของเอเชียเราอยู่พอสมควร อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วย แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าในกรุงโซลนั้น มีสถานที่อันฮอตฮิตที่หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไปที่นั่นแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่า "ห้ามพลาดนะจ๊ะ" ไปดูกันว่าทั้ง 6 สถานที่ซึ่งทางเว็บไซต์ Relax.com.sg ได้แนะนำไว้นั้น จะมีที่ใดบ้างและจะฮอตฮิตขนาดไหน ตามไปดูกันเลย !!

หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊ก (Bukchon Hanok Village)

1. หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊ก (Bukchon Hanok Village)

          หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบ๊อคกุง ( Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) ในอดีตเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดาขุนนางระดับสูง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งคนพื้นถิ่นจะเรียกหมู่บ้านแห่งนี้แบบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า "หมู่บ้านบุกชอน" ซึ่งในภาษาเกาหลีจะหมายถึงหมู่บ้านทางเหนือนั่นเอง

ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)

2. ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)

          เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เดินจากหมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กลงมาทางใต้ประมาณ 10 - 15 นาที คุณก็จะเจอกับย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง ที่มีทั้งห้องแสดงงานศิลปะ ร้านขายเครื่องแกะสลักแบบพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ภัตตาคารและร้านน้ำชาตามแบบเกาหลีดั้งเดิม ซึ่งนับเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิมแท้ ๆ นอกจากนี้ ที่นี้ยังเป็นแหล่งวัตถุโบราณ ทั้งภาพเขียนเก่าแก่ งานเครื่องปั้นดินเผา งานกระดาษ และเครื่องเรือนเก่าอีกด้วย

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

3. พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

          พระราชวังแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยราชวงศ์โชซอน  ในเขตพระราชวัง ประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ มากมาย เช่น ห้องประทับของกษัตริย์และพระราชินี ห้องทรงพระอักษร ท้องพระโรง สวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักเคียวฮเวรู ที่มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น พระตำหนักถูกสร้างให้ยื่นออกไปกลางสระน้ำ เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงพระราชทานนสมัยนั้น

มยองดง (Myeongdong)

4. มยองดง (Myeongdong)

          ถ้าบ้านเรามีสยามสแควร์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยทีนทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางและอื่น ๆ ที่กรุงโซลก็มีย่าน มยองดง หรือเมียงดง เป็นแหล่งช้อปปิ้งเช่นเดียวกัน เพราะที่นี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสินค้าแบรนด์เนมมากมายหลากหลายยี่ห้อ และถ้าเดิน ๆ ช้อปปิ้งจนเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะที่ก็เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศมากมายเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า "ช้อป", "ชิม", "เที่ยว" มีอยู่ที่นี่ครบ!

ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

5. ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

          เปลี่ยนบรรยากาศการช้อปปิ้งของหรู ๆ จากย่านเมียงดง มาช้อปปิ้งที่สำเพ็งบ้านเรา เอ๊ย! ล้อเล่นครับ เปลี่ยนมาเป็นตลาดนัมแดมุนต่างหาก เพราะตลาดนัมแดมุนถือเป็นแหล่งค้าขายสินค้าต่าง ๆ ในราคาถูกและซื้อ - ขายในราคาส่งกันจำนวนมาก ที่นี่มีร้านค้ามากมายให้คุณได้เลือกจับจ่ายซื้อของมากหลายพันร้านค้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอเตือนไว้สักนิดว่าหากใครที่ชอบต่อราคาสินค้า ก็ขอให้ระมัดระวังหรือไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ไม่เคยปรานีใครง่าย ๆ เหมือนกันนะจ๊ะ...จะบอกให้

รถไฟใต้ดิน (Subway)

6. รถไฟใต้ดิน (Subway)

          ไหน ๆ ก็ไปถึงกรุงโซลกันแล้ว คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนด้วยการขึ้นรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั่นเอง การใช้บริการรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นและจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มาก แต่อย่างไรก็ดี หากจะใช้บริการรถไฟใต้ดินแล้วล่ะก็ กรุณาพกแผนที่และแผนผังของสถานีต่าง ๆ ติดตัวเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะที่กรุงโซลมีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นร้อย ๆ สถานีเลยทีเดียว แถมยังแบ่งเส้นทางอีกตั้ง 8 สาย และเชื่อมต่อสถานีไปที่ต่าง ๆ อีกมากมาย ฉะนั้นแล้วอย่าได้ทำแผนที่หายเป็นอันขาดล่ะ

          เป็นอย่างไรกันบ้าง กับทั้ง 6 สถานที่อันฮอตฮิตในกรุงโซลที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อได้ว่าอย่างน้อย ๆ ทั้ง 6 สถานที่ที่แนะนำไปนี้ก็จะเป็นไกด์นำทางในการท่องเที่ยวให้กับเพื่อน ๆ กันได้บ้าง ว่าแล้วก็ขอตัวไปเก็บกระเป๋าเดินทางไปกรุงโซลก่อนละกัน แล้วจะเที่ยวเผื่อทุก ๆ คนเลยครับผม !!